แนวทางที่ยืดหยุ่นสำหรับพลังงานในบ้านสำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลง
โลกของพลังงานกำลังผันผวนอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนของแหล่งพลังงานเนื่องจาก ความขัดแย้งในภูมิภาคต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อปริมาณก๊าซทั่วโลก ราคาไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไร้ทีท่าว่าจะลดลง สร้างสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับหลายครอบครัว ที่ต้องตัดสินใจเลือกอย่างหนักหน่วงระหว่างอาหารและค่าไฟฟ้า หรือภาวะ “จะกินหรือจะเปิดแอร์/เปิดฮีตเตอร์” นอกจากนี้ ยังมีกฎระเบียบใหม่จากภาครัฐบาล อาทิ การยกเลิกการใช้หม้อต้มน้ำร้อนแบบก๊าซ และ การสนับสนุนการติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อป้อนไฟฟ้าเข้าระบบ ซึ่งคาดว่าจะยิ่งส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนมากขึ้น เมื่อบวกกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ยิ่งตอกย้ำความท้าทายที่เจ้าของบ้านต้องเผชิญ
ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าของบ้านต่างมองหาทางแก้ไขบนหลังคาของตัวเอง เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานภายในบ้าน ระบบโซลาร์เซลล์สำหรับผลิตไฟฟ้าใช้เอง ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการลดค่าไฟฟ้า ขณะเดียวกันก็รองรับเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่กินไฟมากขึ้น แต่สิ่งที่ใช้ได้ดีในวันนี้อาจไม่เพียงพอสำหรับอนาคต ในอดีต ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการใช้พลังงานในบ้าน ได้แก่ สภาพอากาศ, จำนวนสมาชิกในครอบครัว, ขนาดของบ้าน, และความต้องการของเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่เมื่อมองไปยังอนาคต จะมีปัจจัยใหม่ ๆ ที่ส่งผลต่อการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น เช่น การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า, ระบบกักเก็บพลังงาน, และการเปลี่ยนมาใช้เครื่องทำความร้อนแบบไฟฟ้า
โซลาร์พื้นฐาน vs โซลาร์พร้อมรับอนาคต
สิ่งสำคัญที่เราต้องการสื่อคือ ระบบพลังงานแสงอาทิตย์แบบ “รุ่นคุณพ่อคุณแม่” อาจไม่เพียงพอต่อการรับมือกับความท้าทายด้านการผลิตพลังงานภายในบ้านในอนาคต ยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนเช่นนี้ เจ้าของบ้านจำนวนมากต่างมองหาทางที่จะควบคุมอนาคตด้านพลังงานของครอบครัว และวิธีการที่พวกเขาเลือกใช้คือ ระบบบริหารจัดการพลังงานภายในบ้านที่ทำมากกว่าแค่แปลงพลังงานแสงอาทิตย์แบบกระแสตรง (DC) เป็นพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสสลับ (AC) ตัวอย่างที่ดีคือ ระบบนิเวศพลังงานอัจฉริยะภายในบ้าน SolarEdge Home ใหม่ของเรา
SolarEdge Home เป็นระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะที่ครอบคลุมทุกฟังก์ชั่น ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์พลังงานอัจฉริยะมากมาย ช่วยให้คุณปรับใช้งานและควบคุมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในแต่ละห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Power Optimizer, อินเวอร์เตอร์, แบตเตอรี่, ที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า, ระบบสำรองไฟ (Backup Interface), เครื่องควบคุมน้ำอุ่น, และอุปกรณ์พลังงานอัจฉริยะอื่น ๆ เช่น Load Controller, สวิตช์และปลั๊กอัจฉริยะ เจ้าของบ้านสามารถเริ่มต้นใช้งานระบบพื้นฐานด้วยการติดตั้ง Power Optimizer ที่ต่อกับแผงโซลาร์เซลล์และอินเวอร์เตอร์ จากนั้นสามารถเพิ่มเติมอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ตามความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต เปรียบเหมือนการทำสวนที่สามารถปลูกพืชชนิดใหม่ ๆ เพิ่มเติมได้ทุกปี ระบบนี้ช่วยให้ผู้ติดตั้งสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า และต่อยอดโอกาสทางธุรกิจที่สร้างประโยชน์ร่วมกัน
ระบบปฏิบัติการช่วยตัดสินใจด้านพลังงานอัจฉริยะอย่างไร
SolarEdge Home ไม่ได้แค่ช่วยให้เจ้าของบ้านผลิตพลังงานแสงอาทิตย์เท่านั้น แต่ยังสามารถกักเก็บ, ใช้, และบริหารจัดการพลังงานได้อย่างชาญฉลาด ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ระบบเบื้องหลังความชาญฉลาดนี้คือ ระบบปฏิบัติการ (Operating System) ซึ่งจะสร้างโปรแกรมพลังงานส่วนบุคคลให้กับเจ้าของบ้าน โดยพิจารณาจากความสำคัญของอุปกรณ์ภายในบ้าน, งบประมาณ, และรูปแบบการใช้พลังงาน โปรแกรมพลังงานส่วนบุคคลนี้จะช่วยปรับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่ผลิตได้ฟรีอย่างเหมาะสมที่สุด ด้วยการควบคุมกระบวนการตัดสินใจและการทำงานต่าง ๆ ตลอดทั้งวันทั้งคืนแบบอัตโนมัติ ส่งผลให้ประหยัดค่าไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ระบบจะเรียนรู้จากพฤติกรรมของเจ้าของบ้าน เพื่อตัดสินใจว่าควรจะกักเก็บพลังงานในแบตเตอรี่เท่าใด เมื่อใด จะปรับสมดุลการใช้พลังงานภายในบ้านระหว่างพลังงานแสงอาทิตย์และไฟฟ้าจากการไฟฟ้าอย่างไร คำนวณวิธีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้คุ้มค่าที่สุด และยังช่วยให้มั่นใจว่าบ้านจะมีไฟฟ้าใช้แม้ไฟฟ้าดับ
สมดุลของโหลด – จับคู่ความสมบูรณ์แบบ
บ้านที่ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ จะได้รับพลังงานจาก 2 แหล่ง: แผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาและไฟฟ้าจากการไฟฟ้า ไฟฟ้าจากการไฟฟ้ามีราคาที่แตกต่างกันไปตลอดทั้งวัน ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ไฟฟ้า, ต้นทุนเชื้อเพลิง, แหล่งพลังงานที่มีอยู่, และปัจจัยอื่น ๆ โดยปกติแล้ว ค่าไฟฟ้าจะแพงที่สุดในช่วงบ่ายและช่วงเย็น เรียกว่า “Peak Period”
ในทางกลับกัน พลังงานแสงอาทิตย์นั้น ฟรีตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนของวัน ข้อได้เปรียบประการหนึ่งของ SolarEdge Home คือ ระบบมีความสามารถในการบริหารจัดการการใช้พลังงานจากสองแหล่งนี้ร่วมกัน เพื่อช่วยให้เจ้าของบ้านประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากที่สุด ต่อไปนี้คือตัวอย่างการทำงานจริง
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากที่สุดมักจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำความร้อนและความเย็น เช่น เครื่องปรับอากาศ, เครื่องทำน้ำร้อน, เครื่องอบผ้า, ตู้เย็น, และตู้แช่แข็ง, ระบบ SolarEdge Home สามารถบริหารจัดการการใช้พลังงานของอุปกรณ์บางอย่างเหล่านี้ (ยกเว้นตู้เย็นและตู้แช่แข็ง) เพื่อให้เครื่องใช้เหล่านี้ทำงานในช่วงกลางวันด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ฟรี หรือทำงานในช่วงดึกเมื่อค่าไฟฟ้าจากการไฟฟ้าต่ำที่สุด ตัวอย่างเช่น การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะไม่ก่อให้เกิดไอเสีย แต่การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าต้องการพลังงานจำนวนมาก ซึ่งคิดเป็นค่าไฟฟ้าเกือบ 50% ของทั้งบ้าน การผลิตไฟฟ้าเหล่านั้นก็ยังคงก่อให้เกิดไอเสียอยู่เช่นกัน ระบบ SolarEdge Home มีที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในตัว ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ โดยระบบสามารถตั้งโปรแกรมให้รู้จักเวลาที่ประหยัดที่สุดในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยการผสมผสานพลังงานแสงอาทิตย์ฟรีในช่วงกลางวันกับไฟฟ้าราคาประหยัดจากการไฟฟ้าในช่วงกลางคืน


จ่ายไฟต่อเนื่อง ไร้กังวลแม้ไฟดับ
หลายพื้นที่ประสบปัญหาไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเพราะสภาพอากาศเลวร้าย (พายุเฮอร์ริเคน พายุน้ำแข็ง ฯลฯ) การลดกำลังไฟฟ้าหมุนเวียน หรือแม้แต่ระบบจ่ายไฟที่รับโหลดไม่ไหว การันตีไฟฟ้าภายในบ้านให้ทำงานต่อเนื่องแม้ไฟจากการไฟฟ้าดับ ถือเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ผู้คนหันมาเลือกใช้ SolarEdge Home เมื่อเกิดไฟดับ ระบบ SolarEdge Home ที่ติดตั้ง Backup Interface จะทำการตัดการเชื่อมต่อบ้านออกจากระบบจ่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ และทันทีจะเริ่มจ่ายไฟให้บ้านด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน เพื่อยืดระยะเวลาการสำรองไฟ SolarEdge Home สามารถตั้งโปรแกรมให้จ่ายไฟเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นตามลำดับความสำคัญที่เจ้าของบ้านกำหนดไว้ เช่น ตู้เย็นไว้แช่รักษาอาหาร, Wi-Fi ยังคงใช้งานได้, และไฟฟ้าส่องสว่างภายในบ้าน
ระบบกักเก็บและสำรองไฟ
การเพิ่มแบตเตอรี่เข้ากับระบบโซลาร์เซลล์ช่วยเพิ่มประโยชน์ของแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่อัตราการรับซื้อไฟฟ้าคืน (Feed-in Tariff) ไม่น่าสนใจหรือไม่มีให้บริการ การมีแบตเตอรี่จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า โดยพื้นฐานแล้ว แบตเตอรี่ช่วยให้ระบบ SolarEdge Home ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ใช้ในช่วงที่พระอาทิตย์ตกดิน เนื่องจากเป็นระบบที่ทำงานกับกระแสตรง (DC) SolarEdge Home จึงใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ระบบสามารถชาร์จแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้าได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านการแปลงพลังงานหลายขั้นตอน ซึ่งช่วยลดการสูญเสียพลังงาน ในทางกลับกัน ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์ และระบบสตริง จะทำการแปลงพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดเป็นกระแสสลับ (AC) ที่ระดับของแต่ละอุปกรณ์ แม้ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างอุปกรณ์กระแสตรง (DC) ก็ตาม ส่งผลให้ระบบเหล่านี้จำเป็นต้องแปลงพลังงาน AC กลับไปเป็น DC (สำหรับแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้า) และแปลงกลับไปเป็น AC อีกครั้งสำหรับใช้ในบ้าน กระบวนการนี้เรียกว่า การสูญเสียจากการแปลงไฟฟ้าสามครั้ง ซึ่งส่งผลให้สูญเสียพลังงานที่มีค่าไปจำนวนมาก
เติมพลังให้รถคุณด้วยเชื้อเพลิงที่ผลิตเอง
ราคาน้ำมันที่พุ่งสูง ช่วย ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างรวดเร็วของรถยนต์ไฟฟ้า แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะไม่ก่อให้เกิดการปล่อยไอเสียโดยตรง แต่ก็ยังก่อมลพิษทางอ้อม เพราะพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์เหล่านี้ ยังต้องมีการผลิต ซึ่งกว่า 40% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เกิดขึ้นจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล
วิธีแก้ปัญหาที่ชัดเจนคือ การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน สิ่งนี้มีความสำคัญ เนื่องจากการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้านนั้นมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อาจคิดเป็นเกือบ 50% ของค่าไฟฟ้าทั้งบ้าน SolarEdge มีที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์สำหรับทั้งแบบที่พักอาศัยและเชิงพาณิชย์ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถขับเคลื่อนรถด้วยพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้อย่างแท้จริง ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะของ SolarEdge Home ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าเพิ่มเติม โดยการปรับกระบวนการชาร์จให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ส่วนเกินในช่วงกลางวัน หรือไฟฟ้าที่กักเก็บไว้จากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือไฟฟ้าราคาประหยัดจากการไฟฟ้าในช่วงดึก
ตามรายงานของ Bloomberg NEF ประจำปี พ.ศ. 2562 รถยนต์ไฟฟ้าจะกลายเป็นหนึ่งในผู้ใช้พลังงานไฟฟ้ามากที่สุด ควบคู่ไปกับเครื่องทำความร้อนแบบปั๊มความร้อน


ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการต้มน้ำร้อน
การต้มน้ำเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ค่าไฟฟ้าสูง คิดเป็น 22% ของค่าใช้จ่ายพลังงานทั้งหมดสำหรับครัวเรือนในยุโรป SolarEdge Home ช่วยลดค่าใช้จ่ายนี้ด้วย SolarEdge Home Hot Water Controller ระบบจะจ่ายพลังงานแสงอาทิตย์ส่วนเกินไปยังระบบทำน้ำร้อนของบ้านโดยอัตโนมัติ ช่วยให้สามารถต้มน้ำร้อนได้อย่างชาญฉลาดและควบคุมการทำน้ำร้อนภายในบ้านผ่านแอป mySolarEdge
ควบคุมพลังงานในบ้านคุณเอง
แอปพลิเคชั่น mySolarEdge ช่วยให้คุณควบคุมระบบ SolarEdge Home ได้อย่างง่ายดาย แอปพนี้เสมือนแดชบอร์ดแสดงข้อมูลการผลิตและการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์ ช่วยให้คุณติดตามประสิทธิภาพการทำงานของระบบ นอกจากนี้ คุณยังสามารถปรับแต่งค่าต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การสำรองไฟไว้ในแบตเตอรี่ก่อนเกิดสภาพอากาศเลวร้าย หรือปรับการใช้ไฟฟ้าเมื่อคุณไปพักร้อน (เช่น เปิดปั๊มสระว่ายน้ำและตั้งเวลาเปิดไฟบางดวงในเวลากลางคืน) ผู้ติดตั้งระบบของคุณจะมีเครื่องมือติดตามพลังงานอัจฉริยะเฉพาะที่เรียกว่า SolarEdge มอนิตอริ่งแพลตฟอร์ม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้พวกเขาตรวจสอบประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของคุณ แต่ยังสามารถแก้ไขปัญหาของระบบที่อาจเกิดขึ้นได้จากระยะไกลอีกด้วย
ก้าวสู่อนาคตอย่างยั่งยืน
วิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่โลกกำลังเผชิญอยู่นั้นยากที่จะคาดการณ์ แต่เท่าที่คาดการณ์ได้ในอนาคตอันใกล้ แนวโน้มคือค่าไฟฟ้าจะยังคงปรับตัวสูงขึ้น ภาวะโลกร้อนยังคงทวีความรุนแรง และเชื้อเพลิงฟอสซิลยังคงมีความไม่แน่นอน ตามรายงานของ McKinsey ประเมินว่า “ภายในปี พ.ศ.2593 ปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เนื่องจากแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าแทนพลังงานรูปแบบอื่น ๆ และระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เจ้าของบ้านจำเป็นต้องบริหารจัดการการผลิตและการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด ควบคู่ไปกับการเป็นพลเมืองโลกที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
การผสมผสานพลังงานหมุนเวียนเข้ากับระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ ช่วยให้เจ้าของบ้านไม่เพียงแต่ประหยัดค่าไฟฟ้าได้อย่างเห็นผลเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตที่ปลอดคาร์บอนอีกด้วย