โตโยต้ามุ่งสู่ความยั่งยืนในประเทศไทย
ความเป็นมา
โตโยต้า ประกาศวิสัยทัศน์ "Toyota Environmental Challenge 2050" ในปี 2015 เพื่อมุ่งสู่การสร้างสังคมที่ยั่งยืน แผนการอันมุ่งมั่นนี้ ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยมลพิษจากรถยนต์และกระบวนการผลิตให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยท้าทาย #3 ภายในกรอบการนี้ มุ่งเน้นไปที่การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) เป็นศูนย์ในกระบวนการออกแบบและผลิตยานยนต์
พลังงานแสงอาทิตย์มีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ เพื่อมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันต่อความยั่งยืน บริษัท Toyota Daihatsu Engineering & Manufacturing Co., Ltd. ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาโตโยต้า และสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่กรุงเทพฯ ตัดสินใจใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการปั่นไฟให้กับอาคารสำนักงาน 8 หลัง การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ "Toyota Environmental Challenge 2050" เท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นในการใช้ประโยชน์จากศักยภาพของแหล่งพลังงานหมุนเวียนอีกด้วย
ทีปวัต จันทวิมล
/ ผู้อำนวยการแผนกพลังงานทดแทน, บริษัท โซโลมอน เทคโนโลยี่ ไทยแลนด์ จำกัดเป้าหมายของโตโยต้าคือการติดตั้งระบบพลังงานอัจฉริยะที่สะอาด ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ บรรลุวิสัยทัศน์ "สังคมที่ผู้คน รถยนต์ และธรรมชาติ อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน" ตามที่ระบุไว้ใน Toyota Environmental Challenge 2050 ทีมงานเฉพาะทางของโตโยต้า กำหนดเป้าหมายหลัก 3 ประการสำหรับระบบโซลาร์เซลล์ใหม่นี้:
- มั่นคงในเรื่องความปลอดภัย
- เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพลังงาน
- การดำเนินงานและการบำรุงรักษา (O&M) ที่รวดเร็วและง่ายดาย
การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ SolarEdge บนหลังคาอาคารหลายหลังของ บริษัท Toyota Daihatsu Engineering & Manufacturing Co, Ltd. ตัวอย่างอันยอดเยี่ยมที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ต่ออนาคตที่ยั่งยืน ระบบผลิตพลังงานขนาดใหญ่ที่น่าประทับใจนี้ มีกำลังผลิต 3.4 เมกะวัตต์ ซึ่งเพียงพอต่อการตอบสนองความต้องการด้านพลังงานของบริษัทฯ ในประเทศไทยได้อย่างมาก
ทางออก
ระบบ DC-optimized ของ SolarEdge ช่วยให้โตโยต้าผลิตพลังงานได้มากกว่าระบบอินเวอร์เตอร์แบบสตริง ด้วยการติดตั้ง Power optimizer ของ SolarEdge เข้ากับแผงโซลาร์เซลล์ ทำให้แผงเหล่านี้กลายเป็น “แผงอัจฉริยะ” อย่างแท้จริง เทคโนโลยี MPPT ของ SolarEdge ช่วยให้แต่ละแผงผลิตพลังงานได้สูงสุดอย่างอิสระ ไม่ว่าแผงอื่นๆ ในชุดจะมีปัญหาใดๆ ก็ตาม ระบบนี้ช่วยลดการสูญเสียพลังงานที่เกิดจากความไม่สมดุลของแผง และเพิ่มปริมาณพลังงานที่ผลิตได้ทั้งหมด นอกจากนี้ ระบบของ SolarEdge ยังรองรับการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์แบบยาว ซึ่งช่วยลดจำนวนสายไฟ อินเวอร์เตอร์ และอุปกรณ์อื่นๆ ส่งผลให้ต้นทุน Balance of System (BoS) ลดลง
ระบบนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์ SafeDC™ ซึ่งจะลดแรงดันไฟฟ้า DC ลงเหลือเพียง 1 โวลต์อันเป็นระดับที่ปลอดภัย เมื่อระบบไฟฟ้า AC ถูกตัดเพื่อการบำรุงรักษาหรือในกรณีฉุกเฉิน ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงและดับเพลิง นอกจากนี้ ระบบยังมีฟีเจอร์ตรวจจับและหยุดยั้งการเกิดอาร์ค (Arc Fault) เพื่อลดความเสี่ยงอีกชั้น