ทำความเข้าใจเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า รูปแบบ และการใช้งาน

Content Writer / SolarEdge Thailand
18-04-2025

กระแสการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยในปัจจุบันกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงประโยชน์ของการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีการปล่อยมลพิษจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ด้วยเหตุนี้ เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charger จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งที่ชาร์จรถไฟฟ้านั้นก็มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก แต่แบบไหนที่จะเหมาะกับรถยนต์ไฟฟ้าของเรา มาดูกันว่า เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามีกี่ประเภท แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร แล้วควรตัดสินใจใช้ที่ชาร์จแบบไหนถึงเหมาะสมที่สุด

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าคืออะไร

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า คือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า โดยปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ ทั้งแบบติดตั้งที่บ้านในลักษณะของ Wallbox หรือสถานีชาร์จสาธารณะ (EV Charging Station) ที่กระจายตามที่ต่างๆ และเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบพกพา โดยระบบการชาร์จหลักๆ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) และไฟฟ้ากระแสตรง (DC)

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า AC

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า AC เป็นระบบชาร์จมาตรฐานที่ใช้ไฟฟ้ากระแสสลับในการชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งสามารถจ่ายไฟได้ตั้งแต่ 3.7 kW ไปจนถึง 22 kW โดยกระแสไฟฟ้าจะถูกส่งไปยัง Onboard Charger ที่ติดตั้งไว้ในตัวรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อแปลงเป็นไฟฟ้าให้กลายเป็นกระแสตรง (DC) ก่อนส่งเข้าสู่แบตเตอรี่ ซึ่งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้านส่วนใหญ่จะเป็นระบบ AC เนื่องจากมีต้นทุนการติดตั้งที่ต่ำกว่า และเหมาะสำหรับการชาร์จข้ามคืน เพราะมีการปล่อยกระแสไฟออกมาไม่สูงมาก สร้างความร้อนในแบตเตอรี่ไม่เยอะ จึงช่วยให้แบตเตอรี่ไม่เสื่อมสภาพเร็วเกินไป

โดยหัวชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า AC สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทย่อย ดังนี้

Type 1

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า AC หรือที่รู้จักในชื่อ SAE J1772 เป็นมาตรฐานหัวชาร์จที่พัฒนาขึ้นในอเมริกาเหนือ รองรับระบบไฟฟ้าแบบหนึ่งเฟส (Single-Phase) โดยลักษณะเด่นของหัวชาร์จประเภทนี้ คือ มีการออกแบบที่เรียบง่าย ใช้งานสะดวก และมีระบบล็อกที่ปลอดภัย ประกอบด้วยขาชาร์จ 5 ขา (Pin) ซึ่งแต่ละขามีหน้าที่เฉพาะในการส่งกระแสไฟฟ้าและสื่อสารกับระบบควบคุมของรถยนต์ 

โดยสามารถแบ่งรูปแบบหัวชาร์จ Type 1 ได้เป็นอีก 2 แบบ ได้แก่ Normal Charger และ Double Speed Charger 

  • Normal Charger: รองรับกระแสไฟฟ้า 32A/250V ใช้เวลาชาร์จประมาณ 12-16 ชั่วโมง เหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้านในเวลากลางคืน
  • Double Speed Charger: รองรับกระแสไฟฟ้าได้หลายระดับตั้งแต่ 16A, 40A และ 48A/240V ใช้เวลาชาร์จประมาณ 4-7 ชั่วโมง มักติดตั้งในรูปแบบ Wall Box สำหรับที่พักอาศัย

หัวชาร์จ Type 1  นิยมใช้งานในอเมริกาเหนือและญี่ปุ่น เช่น ในรถรุ่น Nissan Leaf, Mitsubishi Outlander PHEV หรือ Chevrolet Volt เป็นต้น

Type 2 

หัวชาร์จ Type 2  เป็นมาตรฐานยุโรปที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท Mennekes จากประเทศเยอรมนี โดยเป็นหัวชาร์จแบบ 7 ขา (Pin) มีจุดเด่น คือ สามารถรองรับการชาร์จได้ทั้งระบบไฟฟ้าแบบหนึ่งเฟส (Single-Phase) และสามเฟส (Three-Phase) ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง และรองรับกำลังไฟสูงสุดถึง 43 kW (ในระบบสามเฟส)

เช่นเดียวกับหัวชาร์จแบบ Type 1 สามารถแบ่งรูปแบบหัวชาร์จ Type 2 ได้เป็นอีก 2 แบบ ได้แก่ Normal Charger และ Double Speed Charger ดังนี้

  • Normal Charger: รองรับกระแสไฟฟ้า 70A/250V ในระบบไฟหนึ่งเฟส และ 63A/480V ในระบบสามเฟส โดยการชาร์จหนึ่งครั้งจะใช้เวลาเฉลี่ย 12-16  ชั่วโมง ซึ่งเหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้านทั่วไป
  • Double Speed Charger: รองรับการชาร์จแบบเฟสเดียว 16A และสามเฟส 32A โดยใช้เวลาชาร์จเฉลี่ยอยู่ที่ 4 - 7 ชั่วโมง

หัวชาร์จ Type 2 มักถูกนำมาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าจากทวีปยุโรป และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เช่น Tesla Model 3, BMW i3 และ Hyundai Kona Electric เป็นต้น

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า DC

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า DC มีอีกชื่อเรียกว่า Quick Charger เนื่องจากเป็นระบบชาร์จเร็วที่ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง จึงสามารถจ่ายกระแสไฟเข้าแบตเตอรี่ได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่าน Onboard Charger ทำให้ชาร์จได้เร็วกว่า โดยใช้เวลาเพียง 30-60 นาทีในการชาร์จจาก 10% ถึง 80% มักพบตามสถานีบริการน้ำมัน ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้า หรือตามจุดต่างๆ ที่ผู้ให้บริการกำหนดไว้  

ประเภทหัวชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบ DC ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

CHAdeMo (CHArge de MOve)

CHAdeMO เป็นมาตรฐานการชาร์จแบบเร็วที่พัฒนาโดยกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่น ได้แก่ Nissan, Mitsubishi, และ Toyota ร่วมกับบริษัทด้านพลังงานอย่าง TEPCO ในปี 2005 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูง หัวชาร์จประเภทนี้มีลักษณะที่กะทัดรัด น้ำหนักเบา มีจุดเด่นคือ สามารถปลดตัวล็อกที่หัวชาร์จได้เลย โดยที่ไม่ต้องปลดล็อกจากระบบภายนอก หรือจากตัวรถยนต์ ซึ่งหัวชาร์จประเภทนี้รองรับกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดที่ 200A/600V และรองรับการชาร์จด้วยความเร็วสูงสุด 100 kW

ในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนา CHAdeMO 2.0 ออกมา ที่ระบุว่าสามารถรองรับกำลังไฟได้สูงสุดถึง 400kW และยังมีแผนพัฒนาต่อยอดให้รองรับถึง 900 kW ในอนาคต นอกจากนี้ หัวชาร์จประเภทนี้ยังนิยมใช้งานแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่น เช่น Nissan, Lexus และ Mitsubishi

CCS (Combined Charging System)

CCS เป็นมาตรฐานที่พัฒนาขึ้นจากความร่วมมือของผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปและอเมริกา โดยมีจุดเด่นคือการรวมพอร์ตชาร์จ AC และ DC ไว้ในหัวชาร์จเดียวกัน ส่งผลให้สะดวกต่อการใช้งานและประหยัดพื้นที่ติดตั้งเต้ารับหัวชาร์จ (EV Socket) ในตัวรถยนต์ และกลายเป็นมาตรฐานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน โดยเฉพาะในแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากยุโรป อเมริกา และประเทศจีน เช่น Tesla, BMW, Hyundai และ MG โดยหัวชาร์จ CCS สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อย ดังนี้

  • CCS1 - มาตรฐานหัวชาร์จในตลาดอเมริกาเหนือ ใช้ร่วมกับหัวชาร์จ AC Type 1 รองรับกำลังไฟสูงสุด 350 kW
  • CCS2 - มาตรฐานที่ใช้ในยุโรปและประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทย พบได้ตามตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะทั่วไป รองรับกำลังไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 50-350 kW

ในประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้กำหนดมาตรฐานของเครื่อง EV Charger ไว้เช่นกัน โดยเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า AC ต้องผ่านการรบรองมาตรฐานทางด้านไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ IEC 61851-1 2017 ส่วนเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า DC ต้องผ่านมาตฐาน IEC 61851-23 2014 นอกจากนี้เครื่องทั้งสองประเภทยังต้องผ่านการรับรอง  IEC 61851-21-2 อีกด้วย จึงจะปลอดภัยต่อการใช้งาน

แนะนำวิธีการเลือกเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเบื้องต้น 

สำหรับการติดตั้ง EV charger ที่บ้าน หรือเลือกใช้บริการสถานีชาร์จ ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ ดังนี้

1. ประเภทเครื่องชาร์จ EV

ในการเลือกประเภทเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า อันดับแรกควรคำนึงถึงลักษณะการใช้งาน โดยพิจารณาถึงระยะเวลาการชาร์จที่ตอบโจทย์ หากต้องการชาร์จที่บ้าน แนะนำให้ติดตั้งเครื่องชาร์จระบบ AC ที่สามารถชาร์จข้ามคืนได้โดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร หรือหากต้องการความเร็วในการชาร์จ ก็สามารถติดตั้งระบบ DC ได้เช่นกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลและพฤติกรรมการใช้รถยนต์ด้วย

2. ขนาดรถยนต์ไฟฟ้า

ควรตรวจสอบ Onboard Charger ภายในรถยนต์ไฟฟ้าว่าอัตราการชาร์จสูงสุดที่รองรับได้อยู่ที่เท่าไหร่ เพื่อให้สามารถเลือกขนาดกำลังไฟของเครื่องชาร์จได้อย่างเหมาะสม ไม่แนะนำให้ใช้เครื่องชาร์จที่มีกำลังไฟสูงเกินกว่าที่ Onboard Charger สามารถรองรับได้

ฟังก์ชันการใช้งานของ EV Charger

พิจารณาฟังก์ชันเสริมที่อาจเป็นประโยชน์ต่อการใช้งาน เช่น การเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ Bluetooth เพื่อตรวจสอบสถานะการชาร์จ การตั้งเวลาชาร์จล่วงหน้า หรือการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งสามารถอำนวยความสะดวกในการชาร์จได้มากขึ้น

มาตรฐานความปลอดภัยของ EV Charger

ความปลอดภัยขณะชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อความปลอดภัยต่อตัวรถ และลดโอกาสเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ควรเลือกเครื่องชาร์จที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย มีระบบป้องกันไฟรั่ว (RDC) ระบบควบคุมอุณหภูมิ และระบบความปลอดภัยอื่นๆ นอกจากนี้ ขอแนะนำให้ติดตั้งมิเตอร์ TOU ช่วยเพื่อประหยัดค่าไฟในการชาร์จแบตเตอรี่ในช่วง Off-Peak

จะเห็นได้ว่าการเลือกใช้เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสม จะช่วยให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงสุด ประหยัดค่าใช้จ่าย และปลอดภัย โดยเฉพาะในการติดตั้งที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน ที่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และเลือกใช้บริการจากบริษัทที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบไฟฟ้าในบ้านรองรับการติดตั้งได้อย่างปลอดภัย 

SolarEdge Technologies เป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน โดยใช้วิศวกรรมและนวัตกรรมระดับโลกในการพัฒนาโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับกลุ่มลูกค้าในภาคที่อยู่อาศัย ภาคพาณิชย์ และภาคสาธารณูปโภค SolarEdge นำเสนอโซลูชันที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับการผลิต การจัดเก็บ การจัดการ และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทพัฒนาและผลิตอินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์ Power Optimizer ระบบจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน ระบบจัดเก็บพลังงาน และบริการโครงข่ายไฟฟ้า

เทคโนโลยี DC-Optimized ของ SolarEdge ถูกติดตั้งในบ้านหลายล้านหลังในกว่า 140 ประเทศ และมากกว่า 50% ของบริษัท Fortune 100 มีการใช้งานเทคโนโลยีของ SolarEdge บนหลังคาของพวกเขา SolarEdge มีบทบาทสำคัญในการเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่โครงข่ายพลังงานแบบกระจายที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีบริการหลังการขายที่ครอบคลุม เพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งเจ้าของบ้านและภาคธุรกิจ และเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ให้การรับประกันที่ยาวนานที่สุดในตลาดอีกด้วย

ติดต่อเรา 

กรอกแบบฟอร์ม คลิก

LINE Official: SolarEdge Thailand

ติดตามข่าวสารใหม่ๆ จาก SolarEdge

Facebook: SolarEdge Technologies Inc.

Instagram: @solaredgepv

X: @SolarEdgePV 

LinkedIn: SolarEdge Technologies

Reference: 01020304050607

บทความที่เกี่ยวข้อง