อินเวอร์เตอร์ออนกริด (On-Grid Inverter) มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง

Content Writer / SolarEdge Thailand
18-04-2025

ท่ามกลางการบริโภคพลังงานปัจจุบัน ทั้งภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรมต่างหันมาติดตั้งใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาว โดยเฉพาะระบบโซล่าเซลล์ที่ผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ซึ่งข้อมูลจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) ปี 2567 ระบุว่า พลังงานหมุนเวียนจะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 51% ของการใช้พลังงานทั้งหมดในประเทศภายในปี 2580 โดยเพิ่มขึ้นจาก 20% ในปี 2566 และการเดินหน้าสู่พลังงานสะอาดดังกล่าวนี้ จะทำให้พลังงานแสงอาทิตย์กลายเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนสำคัญในอนาคตอันใกล้

แน่นอนว่าหนึ่งในระบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคงหนีไม่พ้นระบบออนกริด (On-Grid) ซึ่งมีอินเวอร์เตอร์ออนกริดเป็นหัวใจสำคัญของระบบ ในบทความนี้จะมาอธิบายให้ทุกท่านเข้าใจถึงการทำงานของอินเวอร์เตอร์ออนกริดมากขึ้น ประเภท และข้อดี-ข้อเสีย เพื่อเป็นข้อพิจารณาก่อนตัดสินใจติดตั้ง

On-Grid Inverter คืออะไร

อินเวอร์เตอร์ออนกริด (On-Grid Inverter) คือ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC) จากแผงโซล่าเซลล์ให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เพื่อให้สามารถนำมาใช้งานกับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้ โดยอินเวอร์เตอร์ประเภทนี้แตกต่างมี คุณสมบัติเฉพาะทางที่คอยตรวจสอบและประมวลผลสัญญาณ Phase Shift และ Sine Wave ของไฟฟ้าจากกริดของไฟฟ้าตลอดเวลา เพื่อให้ลูกคลื่นและความถี่ของไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซล่าเซลล์มีคุณสมบัติตรงกับไฟฟ้าจากการไฟฟ้า ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้สามารถเชื่อมต่อและใช้งานร่วมกันได้อย่างราบรื่น หรือหากพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ ระบบโซล่าเซลล์แบบออนกริดจะเชื่อมต่อกับโครงข่ายของการไฟฟ้า ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ไฟฟ้าจากทั้งสองแหล่งได้ คือ จากแผงโซล่าเซลล์และจากการไฟฟ้า

นอกจากนี้ เมื่อแผงโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าความต้องการใช้งาน เจ้าของระบบสามารถขายไฟฟ้าส่วนเกินนี้กลับคืนให้การไฟฟ้า เป็นช่องทางการสร้างรายได้อีกหนึ่งรูปแบบนั่นเอง 

ทั้งนี้ ก่อนติดตั้งระบบโซล่าเซลล์แบบออนกริด ผู้ใช้จำเป็นต้องขออนุญาตจากการไฟฟ้าก่อน เนื่องจากเป็นการเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้า ซึ่งขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาประมาณ 1 - 2 เดือน โดยส่วนใหญ่บริษัทติดตั้งโซล่าเซลล์นั้นมีบริการในการดำเนินงานส่วนนี้ให้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าของระบบ

การทำงานของอินเวอร์เตอร์ออนกริดเป็นอย่างไร

อินเวอร์เตอร์ออนกริด มีกลไกการทำงานที่ซับซ้อนในการผลิตพลังงาน โดยสามารถสรุปขั้นตอนการทำงานเบื้องต้นได้ดังนี้

1. เริ่มต้นทำงาน 

ในตอนเช้าเมื่อแสงอาทิตย์เริ่มส่องกระทบแผงโซล่าเซลล์ แผงจะเริ่มผลิตไฟฟ้ากระแสตรง (DC) โดยอินเวอร์เตอร์จะตรวจจับแรงดันไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์ แล้วเมื่อมีแรงดันไฟฟ้าเพียงพอ (ประมาณ 120-150 โวลต์ ขึ้นอยู่กับรุ่นและผู้ผลิต) อินเวอร์เตอร์จะเริ่มกระบวนการทำงาน

โดยอินเวอร์เตอร์จะเริ่มซินโครไนซ์คุณสมบัติของไฟฟ้าที่จะผลิตให้ตรงกับไฟฟ้าจากการไฟฟ้า โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 30 วินาทีถึง 5 นาที (ขึ้นอยู่กับรุ่นและมาตรฐานของแต่ละประเทศ) หลังจากซินโครไนซ์เสร็จสิ้น อินเวอร์เตอร์จะเริ่มแปลงไฟฟ้ากระแสตรงจากแผงให้กลายเป็นไฟฟ้ากระแสสลับเพื่อนำไปใช้งาน

2. จัดการการใช้ไฟฟ้า

อินเวอร์เตอร์จะคอยตรวจสอบว่ามีไฟฟ้าจากการไฟฟ้าหรือไม่ และวิเคราะห์คุณสมบัติของไฟฟ้านั้น เช่น ความถี่ แรงดัน และเฟส โดยระบบจะจัดลำดับความสำคัญโดยใช้ไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์ก่อน หากไม่เพียงพอจึงดึงไฟฟ้าจากการไฟฟ้ามาใช้เพิ่มเติม ทั้งนี้ หากไม่มีไฟฟ้าจากการไฟฟ้า อินเวอร์เตอร์จะไม่ทำงานเพื่อความปลอดภัย

3. สิ้นสุดการทำงาน

เมื่อแสงอาทิตย์ลดลงในช่วงเย็น แรงดันไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์จะลดลงเรื่อยๆ จนถึงระดับที่กำหนด (ประมาณ 80 - 100 โวลต์ ขึ้นอยู่กับรุ่นและผู้ผลิต) อินเวอร์เตอร์จะหยุดการทำงานโดยอัตโนมัติ และระบบจะกลับไปใช้ไฟจากการไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว 

4. ตรวจสอบการทำงาน

อินเวอร์เตอร์ออนกริดรุ่นใหม่ส่วนใหญ่มีระบบเก็บข้อมูลการทำงานและการผลิตไฟฟ้า ซึ่งเจ้าของระบบสามารถดูข้อมูลได้ผ่านจอแสดงผลบนอินเวอร์เตอร์ (ขึ้นอยู่กับแบรนด์ผู้ผลิต) หรือผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตามประสิทธิภาพและสถานะการทำงานของระบบได้ หากเกิดข้อผิดพลาดหรือมีอุปกรณ์ขัดข้อง ก็สามารถแจ้งบริษัทติดตั้งโซล่าเซลล์ให้เข้ามาดำเนินการซ่อมบำรุงได้ทันที

นอกจากนี้ อินเวอร์เตอร์ออนกริดบางรุ่นอาจมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น Rapid Shutdown ลดแรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้ ไฟฟ้าขัดข้อง หรือระบบ AFCI (Arc Fault Circuit Interrupter) ที่ช่วยป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ป้องกันการเกิดเพลิงไหม้จากประกายไฟ และระบบอื่นๆ เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างปลอดภัย

ประเภทของอินเวอร์เตอร์ออนกริด

อินเวอร์เตอร์ออนกริดมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและความเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ซึ่งในปัจจุบันสามารถจำแนกออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่

1. อินเวอร์เตอร์ออนกริดแบบสตริง (String Inverter)

String Inverter ถือเป็นอินเวอร์เตอร์พื้นฐานที่ใช้ในระบบโซล่าเซลล์สำหรับบ้านและอาคารขนาดเล็กถึงขนาดกลาง โดยจะมีการวางระบบตั้งแต่การเชื่อมต่อแผงโซล่าเซลล์หลายแผงเป็นอนุกรม (String) แล้วจึงเชื่อมต่อเข้ากับอินเวอร์เตอร์ 1 ตัว ซึ่งอินเวอร์เตอร์จะแปลงไฟฟ้ากระแสตรงจากทุกแผงพร้อมกัน 

อินเวอร์เตอร์ออนกริดประเภทนี้มีราคาถูกกว่าประเภทอื่นๆ สามารถติดตั้งได้ง่าย ไม่ซับซ้อน มีประสิทธิภาพสูงในสภาพแสดงแดดที่เหมาะสม นอกจากนี้ ด้วยระบบที่มีการออกแบบไม่ซับซ้อนมากนัก จึงทำการบำรุงรักษาได้ง่าย อย่างไรก็ตาม 

2. อินเวอร์เตอร์ออนกริดแบบไมโครอินเวอร์เตอร์ (Micro Inverter)

Micro Inverter คือ อินเวอร์เตอร์ขนาดเล็กที่จะติดตั้งแบบหนึ่งตัวต่อหนึ่งแผงโซล่าเซลล์ และจะแปลงไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับที่แผงทันที นอกจากนี้ การติดตั้งอินเวอร์เตอร์แยกกันส่งผลให้แต่ละแผงสามารถทำงานอิสระจากกัน จึงไม่ได้รับผลกระทบจากแผงอื่นที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า ลดการเกิดปัญหา Mismatch Loss และมอบประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมสูงกว่าอินเวอร์เตอร์แบบสตริง จึงตอบโจทย์อาคารหรือสถานที่ที่ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์หลายทิศทาง หรือมีเงาบดบังบางส่วน 

ทั้งนี้ ด้วยการออกแบบระบบที่มีความซับซ้อนและจำนวนไมโครอินเวอร์เตอร์ที่ต้องใช้ต่อแผง ทำให้ต้องใช้ต้นทุนที่สูงกว่า และต้องอาศัยผู้ติดตั้งที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบและซ่อมบำรุงระบบ

3. อินเวอร์เตอร์ออนกริดแบบ Power Optimizer

Power Optimizer เป็นอุปกรณ์ในระบบโซล่าเซลล์ที่มีหลักการทำงานคล้ายกับ Micro Inverter โดย Power Optimizer จะถูกนำมาติดตั้งที่แผงโซล่าเซลล์แต่ละแผง ทำให้แต่ละแผงจะทำงานอย่างอิสระ โดยมีอินเวอร์เตอร์ 1 ตัวเพื่อแปลงไฟฟ้าจากกระแสตรงเป็นกระแสสลับ 

ทั้งนี้ ใน Power Optimizer นั้นมีเทคโนโลยี MPPT (Maximum Power Point Tracking) ติดตั้งแบบ Built-In ที่สามารถติดตามจุดพลังงานสูงสุดของแผงโซลาร์เซลล์แต่ละแผง พร้อมปรับแรงดันและกระแสไฟฟ้าให้เหมาะสม ช่วยให้แผงโซล่าเซลล์แต่ละแผงผลิตพลังงานได้เต็มประสิทธิภาพ แม้ในสภาวะที่ไม่เหมาะสม เช่น เงาบดบังแผงโซล่าเซลล์บางส่วน, ฝุ่นบนแพงโซล่าร์เซลล์ เป็นต้น ซึ่งแผงที่ได้รับแสงแดดเต็มที่ก็ยังคงสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เจ้าของระบบยังสามารถติดตามข้อมูลการทำงานของแต่ละแผง เช่น แรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า กำลังไฟฟ้า และอุณหภูมิ ทำให้ทราบถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและแก้ไขได้อย่างแม่นยำ 

แม้อินเวอร์เตอร์ออนกริดที่ติดตั้งร่วมกับ Power Optimizer จะสามารถผลิตพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีราคาที่สูงกว่าอินเวอร์เตอร์แบบสตริง ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการติดตั้งและบำรุง และหากอินเวอร์เตอร์หลักเสียหาย ระบบทั้งหมดอาจไม่สามารถทำงานได้

ข้อดี

  • มีแหล่งจ่ายไฟฟ้าจากทั้งสองทาง - ระบบสามารถใช้ไฟฟ้าจากทั้งแผงโซล่าเซลล์และการไฟฟ้า ทำให้มีความเสถียรและความมั่นคงในการใช้งานสูง โดยผู้ใช้งานไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีไฟฟ้าใช้เมื่อแผงโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้าได้ไม่เพียงพอในวันที่มีแสงแดดน้อย
  • ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน - อินเวอร์เตอร์ออนกริดในระบบโซล่าเซลล์สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงกลางวันที่มีแสงแดดมาก ซึ่งเป็นช่วงที่ใช้ไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์แทนไฟฟ้าจากการไฟฟ้า ในหลายกรณี สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ถึง 30 - 70% ขึ้นอยู่กับขนาดของระบบและปริมาณการใช้ไฟฟ้า
  • ไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ - ระบบที่ใช้งานอินเวอร์เตอร์ออนกริดนั้นไม่จำเป็นต้องติดตั้งแบตเตอรี่เพิ่มเติม ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนในการติดตั้งและบำรุงรักษา เนื่องจากแบตเตอรี่โซล่าเซลล์ส่วนใหญ่ในตลาดมักมีราคาสูงและมีอายุการใช้งานจำกัด (ประมาณ 5-10 ปี) ทำให้ระบบออนกริดมีความคุ้มค่าในระยะยาวมากกว่า
  • มีโอกาสขายไฟฟ้าส่วนเกิน - ปัจจุบัน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวงนั้นมีนโยบายรับซื้อไฟฟ้า เจ้าของระบบสามารถขายไฟฟ้าส่วนเกินกลับคืนให้การไฟฟ้าได้ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้เพิ่มเติมหรือช่วยลดค่าไฟฟ้าได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องตรวจสอบโควตาและกฎระเบียบของการไฟฟ้า เพื่อให้แน่ใจว่าระบบที่ติดตั้งนั้นเข้าเกณฑ์การรับซื้อ
  • ระบบมีความเรียบง่าย - อินเวอร์เตอร์ออนกริดสามารถติดตั้งและใช้งานได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เมื่อเทียบกับระบบออฟกริด (Off-Grid) หรือไฮบริด (Hybrid) ที่ต้องอาศัยแบตเตอรี่และอุปกรณ์ควบคุมเพิ่มเติม ทำให้การบำรุงรักษาง่ายและมีโอกาสเกิดปัญหาน้อยกว่า
  • อายุการใช้งานยาวนาน - อินเวอร์เตอร์ออนกริดส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานประมาณ 10-15 ปี และมีการรับประกันจากผู้ผลิต ในขณะที่แผงโซล่าเซลล์มีอายุการใช้งานีราว 25-30 ปี ทำให้ระบบมีความคุ้มค่าในระยะยาว
  • เพิ่มมูลค่าให้กับอสังหาริมทรัพย์ - บ้านหรืออาคารที่ติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ออนกริดจะมีมูลค่าสูงขึ้น เนื่องจากเป็นอาคารที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นหากต้องการขายหรือปล่อยเช่าในอนาคต

 

ข้อเสีย

  • ไม่สามารถใช้งานได้เมื่อไฟฟ้าจากการไฟฟ้าดับ หากไม่ติดตั้งแบตเตอรี่ในระบบ - เมื่อไฟจากการไฟฟ้าดับอินเวอร์เตอร์ออนกริดจะหยุดทำงานทันที แม้ว่าแผงโซล่าเซลล์ยังคงผลิตไฟฟ้าได้ก็ตาม ซึ่งเป็นคุณสมบัติความปลอดภัยที่สำคัญเพื่อป้องกันไฟฟ้าย้อนกลับเข้าสู่ระบบสายส่งที่กำลังซ่อมแซม ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญที่ควรพิจารณา
  • ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ - การผลิตไฟฟ้าของระบบโซล่าเซลล์ขึ้นอยู่กับความเข้มของแสงแดด ทำให้ประสิทธิภาพลดลงในวันที่มีเมฆมาก ฝนตก หรือช่วงที่มีหมอกควัน การคาดการณ์ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้จึงมีความไม่แน่นอน
  • ต้องขออนุญาตจากการไฟฟ้า - ก่อนติดตั้งระบบออนกริด จำเป็นต้องขออนุญาตจากการไฟฟ้าก่อน ซึ่งอาจใช้เวลานานและมีขั้นตอนที่ซับซ้อน ในบางพื้นที่อาจมีข้อจำกัดด้านกำลังการผลิตที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าได้
  • มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ติดตั้ง - ประสิทธิภาพของระบบขึ้นอยู่กับทิศทางและมุมของหลังคา ในบางกรณี อาจจำเป็นต้องตัดต้นไม้หรือปรับปรุงโครงสร้างของหลังคาเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง

ทำไมอินเวอร์เตอร์ออนกริดจึงเป็นที่นิยมมากกว่าระบบอื่น?

ปฏิเสธไม่ได้ว่าอินเวอร์เตอร์ออนกริดได้รับความมากกว่าระบบอื่นๆ เนื่องจากมีข้อได้เปรียบหลายประการที่ตอบโจทย์การใช้งานในครัวเรือนและธุรกิจ ดังนี้

1. ต้นทุนเริ่มต้นต่ำกว่า

เมื่อมีแหล่งจ่ายไฟฟ้าจากทั้งแผงโซล่าเซลล์และการไฟฟ้า เจ้าของระบบก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนในแบตเตอรี่ที่มีราคาแพง ซึ่งอาจมีมูลค่าถึง 30 - 50% ของต้นทุนทั้งระบบ ทำให้ระบบมีราคาติดตั้งเริ่มต้นต่ำกว่าระบบออฟกริดหรือไฮบริดอย่างมีนัยสำคัญ

2. คืนทุนได้เร็วกว่า

ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าและการประหยัดค่าไฟฟ้าในช่วงกลางวัน ทำให้ระบบออนกริดสามารถคืนทุนได้เร็วกว่า โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 5-8 ปี เทียบกับระบบออฟกริดหรือไฮบริดที่อาจใช้เวลาถึง 10 - 15 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดระบบ พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า และอัตราค่าไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่ 

3. การบำรุงรักษาที่น้อยกว่า

ระบบออนกริดที่ไม่ได้ติดตั้งร่วมกับแบตเตอรี่นั้นไม่จำเป็นต้องใช้ต้นทุนในการซ่อมบำรุงมากนัก เพราะแบตเตอรี่ถือเป็นส่วนประกอบที่ต้องการการบำรุงรักษาและเปลี่ยนทดแทนบ่อยที่สุดในระบบโซล่าเซลล์ โดยแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานประมาณ 5 - 10 ปี และมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนทดแทนค่อนข้างสูง นอกจากนี้ แบตเตอรี่ยังต้องการสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและการดูแลเพื่อยืดอายุการใช้งาน

4. เหมาะกับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าในเขตเมือง

ในเขตเมืองที่มีระบบไฟฟ้าเสถียร ไฟฟ้าดับน้อยครั้ง การลงทุนในแบตเตอรี่โซล่าเซลล์อาจไม่คุ้มค่า นอกจากนี้ ในเขตเมืองส่วนใหญ่มีการใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวันสูง เช่น อาคารสำนักงาน ร้านค้า โรงงาน หรือสถานศึกษา ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่ระบบโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้าได้มากที่สุด อินเวอร์เตอร์ออนกริดจึงเป็นที่นิยมสูงในกลุ่มลูกค้าที่อาศัยอยู่ในเมืองนั่นเอง

5. ความเรียบง่ายในการติดตั้งและการใช้งาน

ระบบออนกริดมีความซับซ้อนน้อยกว่า ทำให้ง่ายต่อการติดตั้ง ตั้งค่า และใช้งาน อีกทั้งมีโอกาสเกิดปัญหาน้อย เนื่องจากมีส่วนประกอบน้อยกว่า

6. นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ

ในประเทศไทยมีนโยบายสนับสนุนการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ออนกริด เช่น การลดหย่อนภาษีสำหรับภาคธุรกิจ และนโยบายการรับซื้อไฟฟ้าคืน ซึ่งเป็นการช่วยส่งเสริมการติดตั้งระบบออนกริดจนกลายเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

จากที่กล่าวมา พูดได้ว่าอินเวอร์เตอร์ออนกริดเป็นหนึ่งหัวใจสำคัญของระบบโซล่าเซลล์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน ที่มอบข้อได้เปรียบหลายประการเมื่อเทียบกับระบบอื่น ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนเริ่มต้นที่ต่ำกว่า การคืนทุนที่เร็วกว่า ความเรียบง่ายในการติดตั้งและใช้งาน และการบำรุงรักษาที่น้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ก็มีข้อจำกัดที่ควรพิจารณาเช่นกัน

สำหรับผู้ที่สนใจติดตั้งระบบโซล่าเซลล์แบบออนกริด ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ในการเลือกอินเวอร์เตอร์ที่เหมาะสม เช่น ขนาดกำลังการผลิต ประสิทธิภาพ ฟังก์ชันและฟีเจอร์ ไปจนถึงความน่าเชื่อถือของแบรนด์ผู้ผลิต การสนับสนุนและบริการหลังการขาย และความคุ้มค่าในระยะยาว อีกทั้งควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญหรือบริษัทที่มีประสบการณ์ในการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ เพื่อให้ได้ระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและตรงกับความต้องการใช้งาน 

SolarEdge Technologies เป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน โดยใช้วิศวกรรมและนวัตกรรมระดับโลกในการพัฒนาโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับกลุ่มลูกค้าในภาคที่อยู่อาศัย ภาคพาณิชย์ และภาคสาธารณูปโภค SolarEdge นำเสนอโซลูชันที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับการผลิต การจัดเก็บ การจัดการ และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทพัฒนาและผลิตอินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์ Power Optimizer ระบบจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน ระบบจัดเก็บพลังงาน และบริการโครงข่ายไฟฟ้า

เทคโนโลยี DC-Optimized ของ SolarEdge ถูกติดตั้งในบ้านหลายล้านหลังในกว่า 140 ประเทศ และมากกว่า 50% ของบริษัท Fortune 100 มีการใช้งานเทคโนโลยีของ SolarEdge บนหลังคาของพวกเขา SolarEdge มีบทบาทสำคัญในการเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่โครงข่ายพลังงานแบบกระจายที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีบริการหลังการขายที่ครอบคลุม เพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งเจ้าของบ้านและภาคธุรกิจ และเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ให้การรับประกันที่ยาวนานที่สุดในตลาดอีกด้วย

ติดต่อเรา 

กรอกแบบฟอร์ม คลิก

LINE Official: SolarEdge Thailand

ติดตามข่าวสารใหม่ๆ จาก SolarEdge

Facebook: SolarEdge Technologies Inc.

Instagram: @solaredgepv

X: @SolarEdgePV 

LinkedIn: SolarEdge Technologies

บทความที่เกี่ยวข้อง