เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าคืออะไร เลือกอย่างไรให้คุ้มค่า
รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV (Electric Vehicle) กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงจนเรียกได้ว่า “มาแรง” ในประเทศไทย สังเกตได้จากจำนวนรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นตามท้องถนน ประกอบกับแบรนด์รถยนต์ต่างๆ ที่หันมาผลิตรถไฟฟ้ามากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ส่งผลให้ความต้องการ “เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า” หรือ “EV Charger” เพิ่มมากขึ้นไปด้วย ดังนั้นในการเลือกซื้อ EV Charger เจ้าของรถควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างถี่ถ้วน การทำความเข้าใจประเภท หลักการทำงาน และการติดตั้ง EV Charger ที่บ้านว่ามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง เพื่อให้ได้เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสมต่อการใช้งานมากที่สุด
เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าคืออะไร
เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ EV Charger คือ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่จ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่ที่อยู่ภายในรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ล้วน (Battery Electric Vehicle หรือ BEV) หรือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle หรือ PHEV) โดยเครื่องชาร์จจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการควบคุมการจ่ายไฟฟ้าในรูปแบบและปริมาณที่เหมาะสมกับแบตเตอรี่ของรถยนต์แต่ละรุ่น
ในปัจจุบัน เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ถูกพัฒนาให้มีก้าวหน้ามากขึ้น เช่น สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์ IoT หรือควบคุมผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน อีกทั้งบางรุ่นยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบพลังงานอื่นๆ ภายในบ้าน เช่น ระบบโซล่าเซลล์ หรือระบบสำรองไฟโซล่าเซลล์ เพื่อนำพลังงานที่ผลิตได้จากระบบมาชาร์จแบตเตอรี่และลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ประเภทของเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
โดยทั่วไป เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ตามรูปแบบกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่ คือ กระแสสลับ และ กระแสตรง ซึ่งมีข้อแตกต่างกัน ดังนี้
1. เครื่องชาร์จกระแสสลับ (AC Charger)
เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า AC ใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternating Current) ในการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ส่วนใหญ่สามารถจ่ายไฟได้ตั้งแต่ 3.7 kW ไปจนถึง 22 kW ขึ้นอยู่กับรุ่น โดยกระบวนการทำงานเริ่มจากการส่งกระแสไฟฟ้าจากเครื่องชาร์จเข้าไปยังอุปกรณ์ที่เรียกว่า On-Board Charger ซึ่งติดตั้งอยู่ภายในตัวรถ อุปกรณ์นี้จะทำหน้าที่แปลงไฟฟ้ากระแสสลับให้เป็นกระแสตรงก่อนจะส่งเข้าสู่แบตเตอรี่
ทั้งนี้ หัวชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าประเภท AC นั้นมีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ Type 1 ซึ่งเป็นมาตรฐานหัวชาร์จที่พัฒนาขึ้นในอเมริกาเหนือ และ Type 2 ซึ่งเป็นมาตรฐานยุโรป โดยจะเลือกใช้หัวชาร์จแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับเต้ารับของรถไฟฟ้าด้วย
เครื่องชาร์จไฟฟ้า AC Charger นั้นเป็นที่นิยมตั้งตามบ้านเรือนมากที่สุด เนื่องจากใช้ต้นทุนการติดตั้งที่น้อยกว่า และเหมาะสำหรับการชาร์จไว้ระหว่างอยู่บ้านหรือชาร์จข้ามคืน เนื่องจากใช้เวลาชาร์จเฉลี่ย 12-16 ชั่วโมง (จาก 0-100%) มีการปล่อยกระแสไฟออกมาไม่สูงมาก จึงสร้างความร้อนในแบตเตอรี่น้อย และช่วยรักษาแบตเตอรี่ไม่ให้เสื่อมสภาพเร็วจนเกินไป
2. เครื่องชาร์จกระแสตรง (DC Charger)
เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า DC ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง (Direct Current) ในการชาร์จไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่โดยตรง โดยไม่ผ่านตัวแปลงไฟฟ้า หรือ On-Board Charger ในรถยนต์ สามารถจ่ายไฟได้ตั้งแต่ 50-350 kW ส่งผลให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วกว่าเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า AC อย่างมาก โดยเฉลี่ยอาจใช้เวลาราวๆ 30-60 นาที เพื่อชาร์จจาก 10-80%
ด้วยความเร็วในการชาร์จ หลายคนจึงเรียกเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า DC ว่าเป็น Quick Charger อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและดูแลรักษาเครื่องชาร์จ DC นั้นสูงกว่าเครื่องชาร์จ AC อย่างมาก ทำให้ไม่นิยมติดตั้งภายในบ้าน แต่สามารถพบได้ตามสถานีบริการน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า และสถานีชาร์จสาธารณะของผู้ให้บริการรายต่างๆ
เข้าใจหลักการทำงานของเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
เมื่อเริ่มการทำงาน เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะดึงพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายพลังงาน เช่น ไฟบ้าน หรือแหล่งจ่ายพลังงานอื่นๆ เพื่อส่งต่อไปยังแบตเตอรี่ของรถยนต์ กระบวนการชาร์จจะแตกต่างกันไปตามประเภทของเครื่องชาร์จที่กล่าวไปข้างต้น โดยสามารถแบ่งลำดับการทำงานได้ ดังนี้
การชาร์จแบบกระแสสลับ (AC)
1. เครื่องชาร์จรับไฟฟ้ากระแสสลับจากแหล่งจ่ายไฟ โดยส่วนมากจะเป็นไฟจากบ้านที่ส่งมาจากกริดของการไฟฟ้า
2. เครื่องชาร์จส่งไฟฟ้ากระแสสลับไปยัง On-Board Charger ภายในรถยนต์
3. On-Board Charger แปลงไฟฟ้ากระแสสลับให้เป็นกระแสตรง
4. ไฟฟ้ากระแสตรงจะถูกส่งเข้าสู่แบตเตอรี่เพื่อเก็บสะสมพลังงาน
การชาร์จแบบกระแสตรง (DC)
1. เครื่องชาร์จรับไฟฟ้ากระแสสลับจากแหล่งจ่ายไฟ
2. เครื่องชาร์จแปลงไฟฟ้ากระแสสลับเป็นกระแสตรงภายในตัวเครื่องเอง
3. เครื่องชาร์จส่งไฟฟ้ากระแสตรงเข้าสู่แบตเตอรี่โดยตรง ข้ามขั้นตอนการแปลงไฟในรถยนต์
4. ไฟฟ้ากระแสตรงถูกเก็บสะสมในแบตเตอรี่
โดยจะเห็นได้ว่าการชาร์จแบบ DC นั้นรวดเร็วกว่าแบบ AC เนื่องจากข้ามขั้นตอนการแปลงไฟในรถยนต์ และสามารถส่งกำลังไฟที่สูงกว่าเข้าสู่แบตเตอรี่ได้โดยตรง
ทั้งนี้ มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่รถไฟฟ้า เช่น
- ความจุแบตเตอรี่ - ยิ่งแบตเตอรี่มีขนาดใหญ่เท่าไหร่ ยิ่งใช้เวลาในการชาร์จนานขึ้น
- ประสิทธิภาพของ On-Board Charger - โดย On-Board Charger แต่ละรุ่นนั้นรองรับปริมาณกระแสไฟฟ้าได้ไม่เท่ากัน บางรุ่นอาจรองรับได้ 7.4 kW ในขณะที่บางรุ่นรองรับได้ถึง 22 kW ทำให้ความเร็วในการชาร์จแตกต่างกัน
- กำลังไฟของเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า - กำลังส่งออก (Output) ของเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามีผลโดยตรงต่อความเร็วในการชาร์จ ยิ่งกำลังไฟสูง ก็ยิ่งชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น
- สถานะแบตเตอรี่ - การชาร์จจากแบตเตอรี่ที่เหลือน้อย (เช่น 0-20%) มักจะเร็วกว่าการชาร์จในช่วงท้าย (เช่น 80-100%) เนื่องจากระบบควบคุมการชาร์จจะลดกำลังไฟลงเมื่อแบตเตอรี่ใกล้เต็ม เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่
- สภาพอากาศ - อุณหภูมิภายนอกที่สูงหรือต่ำเกินไปอาจส่งผลให้เวลาชาร์จนานขึ้น โดยเฉพาะการชาร์จแบบ DC เนื่องจากระบบควบคุมอุณหภูมิของแบตเตอรี่อาจต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม
การติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบ้าน
การติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สะดวกสบายและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวสำหรับเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากสามารถเริ่มต้นวันใหม่ด้วยรถที่แบตเตอรี่ที่ชาร์จจนเต็มได้ทุกวัน ซึ่งอัตราค่าไฟฟ้าที่บ้านมักจะถูกกว่าการชาร์จที่สถานีสาธารณะ และยังสามารถเลือกช่วงเวลาในการชาร์จที่ค่าไฟถูกที่สุดได้ (เช่น ช่วง Off-Peak ของมิเตอร์ TOU)
โดยในการเลือกติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน เจ้าของบ้านก็ควรคำนึงถึงองค์ประกอบต่างๆ เช่น ขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า รูปแบบหัวชาร์จ ประสิทธิภาพของ On-Board Charger จุดติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กฟน. หรือ กฟภ.)
สุดท้ายนี้ แนะนำให้พิจารณาเลือกเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ มีระบบความปลอดภัยรองรับ และมีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานและการประหยัดพลังงาน เช่น การเชื่อมต่อกับโซล่ารูฟ ซึ่งใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า
พบกับ SolarEdge EV Charger โซลูชันเครื่องชาร์จอัจฉริยะ เร็วๆ นี้ในประเทศไทย
เตรียมพบกับ SolarEdge EV Charger เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่กำลังจะเปิดตัวในประเทศไทยเร็วๆ นี้ หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงในต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา ออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับระบบโซล่าเซลล์ได้อย่างไร้รอยต่อ ช่วยให้สามารถชาร์จรถยนต์ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ที่ผลิตเองที่บ้าน ช่วยประหยัดค่าไฟและลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากกริดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดย SolarEdge EV Charger รองรับกำลังสูงสุด 40A (7.4–9.6kW) ชาร์จได้เร็วกว่าเครื่องชาร์จ AC ทั่วไป ดีไซน์โมเดิร์น แข็งแรงทนทาน ติดตั้งง่าย สามารถใช้งานได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง และสามารถควบคุมได้ง่ายๆ ผ่านแอป mySolarEdge
เลือกผลิตภัณฑ์จาก SolarEdge เมื่อติดตั้งระบบโซล่าเซลล์
SolarEdge Technologies เป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน โดยใช้วิศวกรรมและนวัตกรรมระดับโลกในการพัฒนาโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับกลุ่มลูกค้าในภาคที่อยู่อาศัย ภาคพาณิชย์ และภาคสาธารณูปโภค SolarEdge นำเสนอโซลูชันที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับการผลิต การจัดเก็บ การจัดการ และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทพัฒนาและผลิตอินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์ Power Optimizer ระบบจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน ระบบจัดเก็บพลังงาน และบริการโครงข่ายไฟฟ้า
เทคโนโลยี DC-Optimized ของ SolarEdge ถูกติดตั้งในบ้านหลายล้านหลังในกว่า 140 ประเทศ และมากกว่า 50% ของบริษัท Fortune 100 มีการใช้งานเทคโนโลยีของ SolarEdge บนหลังคาของพวกเขา SolarEdge มีบทบาทสำคัญในการเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่โครงข่ายพลังงานแบบกระจายที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีบริการหลังการขายที่ครอบคลุม เพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งเจ้าของบ้านและภาคธุรกิจ และเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ให้การรับประกันที่ยาวนานที่สุดในตลาดอีกด้วย
ติดต่อเรา
กรอกแบบฟอร์ม คลิก
LINE Official: SolarEdge Thailand
ติดตามข่าวสารใหม่ๆ จาก SolarEdge
Facebook: SolarEdge Technologies Inc.
Instagram: @solaredgepv
X: @SolarEdgePV
LinkedIn: SolarEdge Technologies
บทความที่เกี่ยวข้อง
